ดิว อริสรา อวดท้องแรก ริมทะเลมัลดีฟส์

ดิว อริสรา อวดท้องแรก ริมทะเลมัลดีฟส์



เรียกว่าเป็นคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องแต่ความแซ่บ ความเผ็ด ยังเด็ดเหมือนเดิม สำหรับ “ดิว อริสรา” ที่ตอนนี้กำลังตั้งท้องและเที่ยวอยู่ที่มัลดีฟส์กับสามี “เซบาสเตียน ลี” ไปทะเลทั้งที แม่ดิวไม่พลาดหยิบชุดใส่อวดความเผ็ดทั้งที่กำลังตั้งท้อง เรียกว่าไม่เสียชื่อเน็ตไอดอลภาคพื้นทะเล

ถือว่าเป็นดาราสาวที่ยิ่งตั้งท้องยิ่งสวย ดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวล และผ่องสุด ๆ แม้ว่าสาวดิวจะยังไม่เฉลยเพศลูกในท้อง แต่หลายแห่เดากันเสียงแตก เพราะเป็นคนท้องที่สวยมาก ล่าสุด “ดิว” ได้มาเปิดใจผ่านทางยูทูบ Due Arisara เล่าถึงชีวิตของตัวเองที่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าที่ผ่านมาลองผิดลองถูกทำกับการทำธุรกิจมาเยอะ รวมทั้งยังเคลียร์ชัดๆด้วยว่าที่ผ่านมาเปย์ตัวเอง หลังถูกมองว่าคบแต่แฟนรวยๆผู้ชายเปย์ให้หรือเปล่า โดย “ดิว” ได้บอกว่าตัวเองนั้นมีนิสัยอยากเป็นแม่ค้าตั้งแต่เด็กๆแล้ว คือนิสัยเราอยากเป็นแม่ค้า ชอบขายของตั้งแต่เด็กๆ ความฝันก็ไม่ได้อยากให้พ่อแม่มีธุรกิจอะไรเลิศหรู พ่อแม่ทำรับเหมา จริงๆอยากให้พ่อแค่เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว พอได้ก้าวขาเข้ามาเป็นนักแสดง เวลาเราเห็นช่องทางอื่นๆตลอดระยะเวลาชีวิตที่ผ่านมา อะไรก็ตามก็ทำ เปิดร้านขายหมูสะเต๊ะก็เปิด จะเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว จะไม่มีคำตอบว่าจุดที่คิดว่าจะเป็นแค่นักแสดง มันไม่มี ก็คือลองถูกลองผิดทำหลายอย่าง

ธุรกิจแรกที่เริ่มทำแบบจริงจังคือขายเสื้อยืดวินเทจ เริ่มจากการซื้อเยอะมาก เป็นร้อยๆตัว ลงทุนทำกับเพื่อนแล้วก็ขายดีมาก ธุรกิจอันนั้นเป็นธุรกิจที่ทำแล้วรู้สึกสนุกแล้วก็จอยด้วยเพราะเราชอบ มีลูกค้าต่างประเทศติดต่อมาซื้อด้วย “ดิว” เล่าต่อว่า “เวลาทำอะไรทำด้วยใจ ไม่เคยคิดว่าทำแล้วมันต่อยอดไม่ได้ ดังนั้นทุกๆธุรกิจไม่ว่ามันจะดีหรือไม่ดีรู้สึกว่ามันต่อยอดได้หมด แม้บางธุรกิจที่ทำจะเจ๊งแต่สุดท้ายก็มีสิ่งที่ได้มาเช่นกัน แต่ละอย่างที่ทำมันจะมีอะไรที่ได้จากมันมาอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะมองว่าอะไร” จากนั้น “ดิว” เผยอีกว่า “ชีวิตที่ผ่านมาที่เห็นว่ามีแฟนรวยๆ ก็ซื้อของให้ตัวเองมาตลอด บางทีคนจะเข้าใจว่าผู้ชายเปย์ แต่เรื่องจริงไม่ใช่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นรถสปอร์ตหรืออะไรคือเงินตัวเองทั้งนั้น ตัวผู้ชายทุกๆคนที่คบเขาก็รู้ว่าเราทำงาน แต่ถ้าถามถึงความภูมิใจของตัวเองของที่ซื้อคงเป็นรถพอร์ชคันสีแดง ตอนนั้นที่มีร้องไห้เพราะต้องผ่อน บางทีไม่มีตังค์แล้วอาชีพวงการบันเทงไม่ได้รุ่งเรือง มันก็เศร้าน้ำตาตกใน บางก็ต้องเอากระเป๋าไปขาย เอาเงินมาโปะ ต้องดิ้นรน แต่ทุกวันนี้รถคันนี้ก็ยังอยู่ ยังวิ่งไม่ถึง 7,000 กิโลเลย”